ริดสีดวงทวารภายใน เป็นอาการขั้นต้นของโรคริดสีดวงทวาร โดยสามารถรักษาได้โดยยังไม่ต้องผ่าตัด หากสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ โดยมี
- มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ หรือมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระโดยไม่รู้สึกเจ็บปวด
- มีอาการคัน หรือระคายเคืองบริเวณทวารหนัก
- หลอดเลือดภายในจะบวมมาก จึงทำให้บริเวณทวารหนักบวมไปด้วย
- มีก้อนเนื้อนิ่มๆปลิ้นโผล่ออกมา ซึ่งจะทำให้มีอาการเจ็บปวด
มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจะไปกดหลอดเลือดดำในช่องท้องทำให้หลอดเลือดดำที่อยู่ปลายทาง เช่น บริเวณเท้า ขา และก้น มีการไหลเวียนกลับเข้าสู่หัวใจยากขึ้น จึงทำให้เกิดการคั่งของเลือดในบริเวณเหล่านั้นขึ้นได้ การคั่งของเลือดที่กระจุกเลือดที่บริเวณก้นจะเห็นเป็น ริดสีดวง ทวาร ขึ้นมา
- เมื่อตั้งครรภ์ร่างกายจะมีการสร้างฮอร์โมนขึ้นมาหลายชนิด ซึ่งฮอร์โมนต่างๆ นี้ส่วนมากจะทำให้หลอดเลือดดำมีการขยายตัวมากขึ้น เป็นผลให้ไปเพิ่มการคั่งของเลือดมากขึ้นไปอีก
- อาการท้องผูกที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ก็มีส่วนทำให้เกิดอาการริดสีดวงทวารขึ้นได้ นั่นเพราะเวลาที่คุณแม่ท้องผูกแล้วต้องเบ่งเวลาถ่ายอุจจาระทำให้ต้องใช้แรงเบ่งมาก
- การนั่ง หรือยืนนานๆ ก็เป็นผลให้เกิดอาการริดสีดวงทวารขึ้นได้เช่นกัน เพราะเลือดจะไปรวมอยู่ตรงส่วนที่ต่ำของร่างกายที่เกิดจากแรงโน้มถ่วง จึงทำให้เลือดไปคั่งที่เท้าทำให้เกิดอาการเท้าบวม หรือเส้นเลือดขอดขึ้นได้ ส่วนตรงบริเวณทวารหนักก็ทำให้เกิดอาการริดสีดวงทวารขึ้นมาได้
เรามาถึงยุคที่สาวๆ เริ่มใส่ใจกับเรื่องน้ำหนักและรูปร่าง ถ้าดูแลด้วยการควบคุมอาหาร เสริมด้วยการออกกำลังกายก็ดีไป แต่สาวๆบางคนมีความเชื่อแบบผิดๆที่ว่าถ่ายขับถ่ายบ่อยๆ หรือพยายามนำอาหารที่กินเข้าไปออกมาให้ไวที่สุด คิดว่าทำให้น้ำหนักลด หรือทำให้หน้าท้องแบนราบ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดมาก เพราะสิ่งที่ทำให้น้ำหนักลดลงไม่ใช่เป็นมวลไขมันแต่อย่างใด แต่หากเป็นน้ำที่ออกจากร่างกายจะส่งผลเสียต่อร่างกาย รวมถึงเสี่ยงเป็นริดสีดวงทวาร
เพราะการขับถ่ายบ่อย และนานจนเกินไป จะส่งผลให้การโป่งพองของเส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักเกิดการอักเสบบวมพองได้เพราะเกิดจากการใช้งานบริเวณนั้นมากเกินไป จนเกิดการเสียดสีซึ่งจะกลายเป็นโรคริดสีดวงทวาร หรือแม้กระทั่งการถ่ายเหลว โดยไม่ต้องใช้แรงเบ่งก็เสี่ยงริดสีดวงทวารด้วยเช่นกัน เนื่องจากการเข้าไปนั่งบนโถชักโครกบ่อยเกินไปจะทำให้มีสภาวะของการเบ่งถ่ายให้หูรูดเปิด เป็นการเพิ่มความดัน เพื่อให้มีการถ่ายอุจจาระออกมา
- ภาวะท้องผูกเรื้อรัง อุจจาระเป็นเลือด
- ท้องเสียบ่อย
- พฤติกรรมชอบเบ่งอุจจาระอย่างแรง
- ชอบนั่งถ่ายอุจจาระเป็นเวลานาน โดยเฉพาะคนที่ชอบเล่น มือถือในขณะขับถ่าย
- ใช้ยาสวนอุจจาระหรือยาระบายบ่อยเกินความจำเป็น
- มีภาวะโรคตับแข็ง ซึ่งมีผลทำให้เลือดดำอุดตัน จนบริเวณเส้นเลือดดำบริเวณทวารโป่งพอง
- อายุที่มากขึ้นทำให้กล้ามเนื้อหย่อนยาน จนทำให้เบาะรองเลื่อนลงมาจนยื่นออกมาจากทวารหนัก
- บุคคลในครอบครัวมีประวัติ เคยเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก